สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
หน้าแรก
|
แก้ไขข้อมูล
|
หัวข้อล่าสุด
|
สมาชิก
|
ค้นหา
|
FAQ
Username:
Password:
Save Password
All Forums
รวมบทความวิชาการน่ารู้
บทความรายการสุขภาพดี-ชีวีมีสุข
จะดูแลตัวเองเพื่อรับมือ COVID-19 กับการระบาดใหม่
คำแนะนำ :
คุณต้องลงทะเบียนก่อนจึงจะสามารถโพสได้ครับ
Screensize:
640 x 480
800 x 600
1024 x 768
1280 x 1024
UserName:
Password:
Format Mode:
Basic
Help
Prompt
Format:
Font
Andale Mono
Arial
Arial Black
Book Antiqua
Century Gothic
Comic Sans MS
Courier New
Georgia
Impact
Lucida Console
Script MT Bold
Stencil
Tahoma
Times New Roman
Trebuchet MS
Verdana
Size
1
2
3
4
5
6
Color
Black
Red
Yellow
Pink
Green
Orange
Purple
Blue
Beige
Brown
Teal
Navy
Maroon
LimeGreen
Message:
* HTML is OFF
*
Forum Code
is ON
Smilies
[quote][i]Originally posted by admin[/i] [br][right][b][green]ปีงบประมาณ 2564[/green][/b][/right] [center][blue][b]จะดูแลตัวเองเพื่อรับมือ COVID-19 กับการระบาดใหม่ได้อย่างไร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิภา วิเสโส[/b][/blue][/center] สวัสดีค่ะท่านผู้ฟังรายการ สุขภาพดีชีวีมีสุข วันนี้คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ขอเสนอเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ในตอนที่มีชื่อว่า จะดูแลตัวเองเพื่อรับมือ COVID-19 กับการระบาดใหม่ได้อย่างไร ซึ่งจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-ไนน์ทีนที่ในขณะนี้กลับมาระบาดใหม่อีกครั้ง และมีแนวโน้มว่าอาจจะมีการระบาดจนทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ทำให้ใครหลายคนเป็นกังวล และคอยติดตามข่าวสารกันอยู่ตลอดถึงจำนวนผู้ติดเชื้อ อัตราการเสียชีวิต รวมไปถึงการป้องกันตัวเองให้รอดพ้นจากการติดเชื้ออันตรายนี้ เรามาลองฟังดูนะคะว่าจะดูแลตัวเองเพื่อรับมือกับโรคระบาดที่ร้ายแรงนี้ได้อย่างไร ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับโรคระบาดนี้กันก่อนนะคะ ว่าไวรัสโคโรนา หรือโควิด-ไนน์ทีน คืออะไร ไวัรสโคโรนา (Coronavirus) เป็นไวรัสที่ถูกพบครั้งแรกในปี ค.ศ.1960 แต่ยังไม่ทราบแหล่งที่มาอย่างชัดเจนว่ามาจากที่ใด แต่เป็นไวรัสที่สามารถติดเชื้อได้ในมนุษย์ ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ส่วนสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดหนักทั่วโลกตอนนี้เป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน คือ สายพันธุ์ที่ 7 จึงถูกเรียกว่าเป็น ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งในเวลาต่อมาองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศตั้งชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า โควิด-ไนน์ทีน (COVID-19) การระบาดของโควิด-ไนน์ทีนนั้นเริ่มต้นที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2562 ต่อมาได้พบผู้ป่วยยืนยันในหลายประเทศทั่วโลก จำนวนผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ ซึ่งในขณะนี้การแพร่ระบาดได้ขยายวงกว้างออกไปทั่วโลก และมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยการเดินทางเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งของการแพร่กระจายเชื้อจากพื้นที่หนึ่งสู่พื้นที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ปัจจัยด้านเชื้อก่อโรคที่ติดต่อจากคนสู่คน ผ่านการหายใจเอาละอองน้ำมูก น้ำลาย เข้าสู่ร่างกาย และการสัมผัสใกล้ชิด ก็เป็นวิธีการแพร่เชื้อที่เกิดขึ้นได้ง่าย หากไม่ป้องกัน โดยอาการป่วยที่เกิดจากการติดเชื้อโควิด-ไนน์ทีนนั้น เริ่มจากมีอาการไข้ร่วมกับอาการทางเดินหายใจ เช่น ไอจาม มีน้ำมูก เหนื่อยหอบ แม้ว่าอาการโดยทั่วไปจะดูเหมือนเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่ที่กลัวกันทั่วโลกเป็นเพราะเชื้อไวรัสนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่มียาใดที่สามารถรักษาให้หายได้โดยตรง การรักษาเป็นไปแบบประคับประคองตามอาการเท่านั้น นอกจากนี้ อันตรายที่ทำให้เสี่ยงถึงชีวิต จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิต้านทานโรคไม่แข็งแรง หรือเชื้อไวรัสเข้าไปทำลายการทำงานของปอดได้ จนทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายลุกลามมากขึ้น ทางด้านการแพทย์อาจจะตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยการเอกซ์เรย์ปอด แล้วพบว่าปอดบวมอักเสบร่วมด้วย ซึ่งอาการรุนแรงที่สุดที่พบจากโควิด-ไนน์ทีน คือ อาการปอดอักเสบ หากมีอาการหนักมากๆ พบว่าการติดเชื้อในระยะหลังๆ อาจอันตรายถึงอวัยวะภายในต่างๆ ล้มเหลว อันนำไปสู่การเสียชีวิต โดยความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันตามความแข็งแรงของแต่ละคน วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่อาจจะมีอาการน้อยกว่าผู้สูงอายุ ซึ่งกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-ไนน์ทีนได้แก่ เด็กเล็ก วัยกลางคนจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคปอดเรื้อรัง คนที่กินยากดภูมิต้านทานโรคอยู่ เป็นต้น รวมทั้งผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ระบาด ภายใน 14 วันก่อนเริ่มมีอาการป่วย สำหรับการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-ไนน์ทีน สิ่งที่สำคัญ ได้แก่ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เจ็บคอ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดหรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เว้นระยะห่างทางสังคม โดยอยู่ห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ระมัดระวังการสัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาดและอาจมีเชื้อโรคเกาะอยู่ รวมถึงสิ่งที่มีคนจับบ่อยครั้ง เช่น ที่เปิด-ปิดประตูในรถ กลอนประตูต่างๆ ก๊อกน้ำ ราวบันได เป็นต้น และเมื่อจับแล้วอย่านำมือมาสัมผัสบริเวณใบหน้า และข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่าง ๆ นอกจากนี้ หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70% โดยไม่ผสมน้ำ อย่างน้อย 20 วินาที และไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ อุปกรณ์การรับประทานอาหาร เป็นต้น รวมทั้งรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ สะอาด และใช้ช้อนกลางส่วนตัว นอกจากนี้ หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะหากอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อหรือเพิ่งเดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาด ซึ่งควรกักบริเวณในพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองเป็นเวลา 14 วัน ถ้าหากมีไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ ต้องรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทางด้วย ไม่ปิดบัง ไม่บิดเบือนข้อมูลใดๆ เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้องมากที่สุด สุดท้ายนี้ ขอความร่วมมือให้ทุกท่านปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการระบาดที่ทางราชการประกาศอย่างเคร่งครัด เราก็จะรอดพ้นจากการติดเชื้อเจ้าไวรัสตัวร้ายนี้ได้ รวมทั้งติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารได้ที่เวปไซด์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข www.ddc.moph.go.th หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง อย่าเชื่อข่าวลือจากทุกช่องทาง และเช็คก่อนแชร์นะคะ สำหรับวันนี้หมดเวลาของรายการแล้ว พบกันใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ [b]บรรณานุกรม [/b] โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). กรมควบคุมโรค. วันที่สืบค้นข้อมูล 28 ธันวาคม 2563 เข้าถึงได้จาก https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index.php โควิด-19 คืออะไร. วันที่สืบค้นข้อมูล 28 ธันวาคม 2563 เข้าถึงได้จาก https://www.pptvhd36.com/news ไวรัสโควิด-19 (ไวรัสโคโรนา) vs ไข้หวัดธรรมดา ต่างกันอย่างไร. วันที่สืบค้นข้อมูล 28 ธันวาคม 2563 เข้าถึงได้จาก https://www.sanook.com/health ไวรัสโคโรนา : อนามัยโลกประกาศให้โควิด-19 เป็น การระบาดใหญ่ ทั่วโลก. วันที่สืบค้นข้อมูล 28 ธันวาคม 2563 เข้าถึงได้จาก https://www.bbc.com/thai/international Pandemic แปลว่าอะไร หลังจาก WHO ยกระดับโรค COVID-19 แล้วจะเกิดอะไรขึ้น. วันที่สืบค้นข้อมูล 28 ธันวาคม เข้าถึงได้จาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/870455 [/quote]
Check here to include your profile signature.
T O P I C R E V I E W
admin
Posted - 14 Jan 2021 : 10:14:10
ปีงบประมาณ 2564
จะดูแลตัวเองเพื่อรับมือ COVID-19 กับการระบาดใหม่ได้อย่างไร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิภา วิเสโส
สวัสดีค่ะท่านผู้ฟังรายการ สุขภาพดีชีวีมีสุข วันนี้คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ขอเสนอเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ในตอนที่มีชื่อว่า จะดูแลตัวเองเพื่อรับมือ COVID-19 กับการระบาดใหม่ได้อย่างไร ซึ่งจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-ไนน์ทีนที่ในขณะนี้กลับมาระบาดใหม่อีกครั้ง และมีแนวโน้มว่าอาจจะมีการระบาดจนทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ทำให้ใครหลายคนเป็นกังวล และคอยติดตามข่าวสารกันอยู่ตลอดถึงจำนวนผู้ติดเชื้อ อัตราการเสียชีวิต รวมไปถึงการป้องกันตัวเองให้รอดพ้นจากการติดเชื้ออันตรายนี้ เรามาลองฟังดูนะคะว่าจะดูแลตัวเองเพื่อรับมือกับโรคระบาดที่ร้ายแรงนี้ได้อย่างไร
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับโรคระบาดนี้กันก่อนนะคะ ว่าไวรัสโคโรนา หรือโควิด-ไนน์ทีน คืออะไร ไวัรสโคโรนา (Coronavirus) เป็นไวรัสที่ถูกพบครั้งแรกในปี ค.ศ.1960 แต่ยังไม่ทราบแหล่งที่มาอย่างชัดเจนว่ามาจากที่ใด แต่เป็นไวรัสที่สามารถติดเชื้อได้ในมนุษย์ ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ส่วนสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดหนักทั่วโลกตอนนี้เป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน คือ สายพันธุ์ที่ 7 จึงถูกเรียกว่าเป็น ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งในเวลาต่อมาองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศตั้งชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า โควิด-ไนน์ทีน (COVID-19)
การระบาดของโควิด-ไนน์ทีนนั้นเริ่มต้นที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2562 ต่อมาได้พบผู้ป่วยยืนยันในหลายประเทศทั่วโลก จำนวนผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ ซึ่งในขณะนี้การแพร่ระบาดได้ขยายวงกว้างออกไปทั่วโลก และมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยการเดินทางเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งของการแพร่กระจายเชื้อจากพื้นที่หนึ่งสู่พื้นที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ปัจจัยด้านเชื้อก่อโรคที่ติดต่อจากคนสู่คน ผ่านการหายใจเอาละอองน้ำมูก น้ำลาย เข้าสู่ร่างกาย และการสัมผัสใกล้ชิด ก็เป็นวิธีการแพร่เชื้อที่เกิดขึ้นได้ง่าย หากไม่ป้องกัน
โดยอาการป่วยที่เกิดจากการติดเชื้อโควิด-ไนน์ทีนนั้น เริ่มจากมีอาการไข้ร่วมกับอาการทางเดินหายใจ เช่น ไอจาม มีน้ำมูก เหนื่อยหอบ แม้ว่าอาการโดยทั่วไปจะดูเหมือนเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่ที่กลัวกันทั่วโลกเป็นเพราะเชื้อไวรัสนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่มียาใดที่สามารถรักษาให้หายได้โดยตรง การรักษาเป็นไปแบบประคับประคองตามอาการเท่านั้น นอกจากนี้ อันตรายที่ทำให้เสี่ยงถึงชีวิต จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิต้านทานโรคไม่แข็งแรง หรือเชื้อไวรัสเข้าไปทำลายการทำงานของปอดได้ จนทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายลุกลามมากขึ้น ทางด้านการแพทย์อาจจะตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยการเอกซ์เรย์ปอด แล้วพบว่าปอดบวมอักเสบร่วมด้วย ซึ่งอาการรุนแรงที่สุดที่พบจากโควิด-ไนน์ทีน คือ อาการปอดอักเสบ หากมีอาการหนักมากๆ พบว่าการติดเชื้อในระยะหลังๆ อาจอันตรายถึงอวัยวะภายในต่างๆ ล้มเหลว อันนำไปสู่การเสียชีวิต โดยความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันตามความแข็งแรงของแต่ละคน วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่อาจจะมีอาการน้อยกว่าผู้สูงอายุ ซึ่งกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-ไนน์ทีนได้แก่ เด็กเล็ก วัยกลางคนจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคปอดเรื้อรัง คนที่กินยากดภูมิต้านทานโรคอยู่ เป็นต้น รวมทั้งผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ระบาด ภายใน 14 วันก่อนเริ่มมีอาการป่วย
สำหรับการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-ไนน์ทีน สิ่งที่สำคัญ ได้แก่ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เจ็บคอ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดหรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เว้นระยะห่างทางสังคม โดยอยู่ห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ระมัดระวังการสัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาดและอาจมีเชื้อโรคเกาะอยู่ รวมถึงสิ่งที่มีคนจับบ่อยครั้ง เช่น ที่เปิด-ปิดประตูในรถ กลอนประตูต่างๆ ก๊อกน้ำ ราวบันได เป็นต้น และเมื่อจับแล้วอย่านำมือมาสัมผัสบริเวณใบหน้า และข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่าง ๆ นอกจากนี้ หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70% โดยไม่ผสมน้ำ อย่างน้อย 20 วินาที และไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ อุปกรณ์การรับประทานอาหาร เป็นต้น รวมทั้งรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ สะอาด และใช้ช้อนกลางส่วนตัว นอกจากนี้ หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะหากอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อหรือเพิ่งเดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาด ซึ่งควรกักบริเวณในพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองเป็นเวลา 14 วัน ถ้าหากมีไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ ต้องรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทางด้วย ไม่ปิดบัง ไม่บิดเบือนข้อมูลใดๆ เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้องมากที่สุด
สุดท้ายนี้ ขอความร่วมมือให้ทุกท่านปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการระบาดที่ทางราชการประกาศอย่างเคร่งครัด เราก็จะรอดพ้นจากการติดเชื้อเจ้าไวรัสตัวร้ายนี้ได้ รวมทั้งติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารได้ที่เวปไซด์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
www.ddc.moph.go.th
หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง อย่าเชื่อข่าวลือจากทุกช่องทาง และเช็คก่อนแชร์นะคะ สำหรับวันนี้หมดเวลาของรายการแล้ว พบกันใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ
บรรณานุกรม
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). กรมควบคุมโรค. วันที่สืบค้นข้อมูล 28 ธันวาคม 2563 เข้าถึงได้จาก
https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index.php
โควิด-19 คืออะไร. วันที่สืบค้นข้อมูล 28 ธันวาคม 2563 เข้าถึงได้จาก
https://www.pptvhd36.com/news
ไวรัสโควิด-19 (ไวรัสโคโรนา) vs ไข้หวัดธรรมดา ต่างกันอย่างไร. วันที่สืบค้นข้อมูล 28 ธันวาคม 2563 เข้าถึงได้จาก
https://www.sanook.com/health
ไวรัสโคโรนา : อนามัยโลกประกาศให้โควิด-19 เป็น การระบาดใหญ่ ทั่วโลก. วันที่สืบค้นข้อมูล 28 ธันวาคม 2563 เข้าถึงได้จาก
https://www.bbc.com/thai/international
Pandemic แปลว่าอะไร หลังจาก WHO ยกระดับโรค COVID-19 แล้วจะเกิดอะไรขึ้น. วันที่สืบค้นข้อมูล 28 ธันวาคม เข้าถึงได้จาก
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/870455
สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
© สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
This page was generated in 0.11 seconds.
Snitz Forums 2000