สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
หน้าแรก
|
แก้ไขข้อมูล
|
หัวข้อล่าสุด
|
สมาชิก
|
ค้นหา
|
FAQ
Username:
Password:
Save Password
All Forums
รวมบทความวิชาการน่ารู้
บทความรายการสุขภาพดีมีสุข
ระวังภัย...ไข้เลือดออก
คำแนะนำ :
คุณต้องลงทะเบียนก่อนจึงจะสามารถโพสได้ครับ
Screensize:
640 x 480
800 x 600
1024 x 768
1280 x 1024
UserName:
Password:
Format Mode:
Basic
Help
Prompt
Format:
Font
Andale Mono
Arial
Arial Black
Book Antiqua
Century Gothic
Comic Sans MS
Courier New
Georgia
Impact
Lucida Console
Script MT Bold
Stencil
Tahoma
Times New Roman
Trebuchet MS
Verdana
Size
1
2
3
4
5
6
Color
Black
Red
Yellow
Pink
Green
Orange
Purple
Blue
Beige
Brown
Teal
Navy
Maroon
LimeGreen
Message:
* HTML is OFF
*
Forum Code
is ON
Smilies
[quote][i]Originally posted by admin[/i] [br][right][b][green]ปีงบประมาณ 2562[/green][/b][/right] [blue][center][b]ระวังภัย...ไข้เลือดออก ศรีสกุล สุวรรณรัตน์[/b][/center][/blue] [center][mp3]http://www.uniserv.buu.ac.th/sound/กันยายน 62/สุขภาพดีมีสุข/4.ระวังภัย ไข้เลือดออก.mp3[/mp3][/center] โรคไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค มักพบในประเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี จากสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปี พ.ศ. 2562 มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสะสมรวม 44,671 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 67.62 ต่อประชากรแสนคน พบผู้ป่วยเสียชีวิต 62 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตาย ร้อยละ 0.14 (ข้อมูลจากระบบรายงานการเฝ้าระวังโรค 506 สำนักระบาดวิทยา ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2562) ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าไวรัสไข้เลือดออกมีเพียงสายพันธุ์เดียว แต่ในความเป็นความเป็นจริงแล้วมีถึง 4 สายพันธุ์โดยทุกสายพันธุ์อาจอยู่ร่วมกันในพื้นที่เดียวกัน ในเวลาเดียวกัน และเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกที่มีอาการเหมือนกันได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่หายจากการเป็นโรคไข้เลือดออกแล้วก็มีโอกาสเป็นไข้เลือดออกซ้ำอีกได้ ลักษณะเฉพาะของโรคไข้เลือดนั้น คือ 1.มีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน 2.คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร 3.หน้าแดง อาจพบจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกบริเวณอื่น เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ปัสสาวะ อุจจาระมีเลือดปน 4.ปวดท้องอย่างรุนแรง กดเจ็บชายโครงด้านขวา ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก หลังจากมีไข้มาแล้วหลายวันผู้ป่วยอาจเกิดภาวะการไหลเวียนโลหิตล้มเหลวหรือภาวะช็อก และเข้าสู่ระยะที่เรียกว่า กลุ่มอาการไข้เลือดออกช็อก (dengue shock syndrome) โดยผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าเย็น ปัสสาวะน้อยลง ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ความดันโลหิตลดต่ำ วัดชีพจรไม่ได้ สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะช็อก หลังจากมีไข้สูง 2-7 วัน ไข้จะเริ่มลดลง ระบบไหลเวียนโลหิตเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ความดันโลหิตและชีพจรเริ่มคงที่ เมื่อผ่านไป 2-3 วันจึงเข้าสู่ระยะหายเป็นปกติ ผู้ป่วยจะมีแรงมากขึ้น เริ่มรับประทานอาหารได้ อาการปวดท้องดีขึ้น ระยะนี้มักพบผื่นแดงและคันตามฝ่ามือและฝ่าเท้าซึ่งจะหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ ปัจจุบันยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสสำหรับโรคไข้เลือดออก การรักษาจึงเป็นไปตามอาการเพื่อประคับประคองให้ร่างกายของผู้ป่วยกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว สำหรับการดูแลอาการเบื้องต้น ผู้ป่วยต้องได้รับการพักผ่อนและควรดื่มน้ำให้มากที่สุด แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดไข้เป็นระยะๆ รับประทานอาหารอ่อน งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีคล้ายเลือดเพื่อไม่ให้การวินิจฉัยคลาดเคลื่อน อาจรับประทานยาลดไข้ เช่น ยาพาราเซทตามอลในปริมาณที่แพทย์สั่งเท่านั้น ไม่ควรรับประทานยาแอสไพรินและยากลุ่ม NSAID เด็ดขาดเพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายและนำไปสู่การเสียชีวิตได้ โรคไข้เลือดออกไม่มีวัคซีนป้องกัน ไม่มียารักษา ดังนั้น ควรป้องกันตัวเองและคนในครอบครัวไม่ให้ถูกยุงกัด พยายามนอนในมุ้ง ใช้ยากันยุงแบบฉีดระเหย หรือแบบขดโดยเฉพาะช่วงเวลาเช้าตรู่และพลบค่ำ หากอยู่ในที่แจ้งควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด และทายากันยุงบริเวณผิวหนัง สำคัญที่สุดต้องหยุดการแพร่พันธุ์ของยุงโดยการจัดการสิ่งแวดล้อมในภายในบ้านและบริเวณรอบบ้านให้สะอาด ปลอดโปร่ง มั่นกำจัดแหล่งเพราะพันธุ์ยุงลาย เช่น เทน้ำขังในภาชนะ ทำความสะอาดภาชนะน้ำนิ่งทุก 7 วัน หรือเลี้ยงปลาหางนกยูง ปิดฝาภาชนะน้ำให้สนิท เพียงเท่านี้เราก็จะปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออกได้ [b]ที่มา[/b] รายงานพยากรณ์ โรคไข้เลือดออก ปี 2562 [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor/6f4922f45568161a8cdf4ad2299f6d23/files/Dangue/Prophecy/2562.pdf (วันที่ค้นข้อมูล: 18 กรกฎาคม 2562). สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ประจำสัปดาห์ที่26 ปี 2562 [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor/6f4922f45568161a8cdf4ad2299f6d23/files/Dangue/Situation/2562/DHF%2026.pdf (วันที่ค้นข้อมูล: 18 กรกฎาคม 2562). พบกับเจ้าไข้เลือด แขกที่ไม่ได้รับเชิญ [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.mrdengue-th.com/-/media/EMS/Conditions/Dengue/THAILAND_Disease_Consumer/img/20161022Mr Dengue Comic Mother GIRLTHLRFinal.pdf (วันที่ค้นข้อมูล: 19 กรกฎาคม 2562). [/quote]
Check here to include your profile signature.
T O P I C R E V I E W
admin
Posted - 23 Sep 2019 : 16:29:22
ปีงบประมาณ 2562
ระวังภัย...ไข้เลือดออก
ศรีสกุล สุวรรณรัตน์
กดปุ่ม > เพื่อเล่นไฟล์เสียง
โรคไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค มักพบในประเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี จากสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปี พ.ศ. 2562 มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสะสมรวม 44,671 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 67.62 ต่อประชากรแสนคน พบผู้ป่วยเสียชีวิต 62 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตาย ร้อยละ 0.14 (ข้อมูลจากระบบรายงานการเฝ้าระวังโรค 506 สำนักระบาดวิทยา ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2562)
ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าไวรัสไข้เลือดออกมีเพียงสายพันธุ์เดียว แต่ในความเป็นความเป็นจริงแล้วมีถึง
4 สายพันธุ์โดยทุกสายพันธุ์อาจอยู่ร่วมกันในพื้นที่เดียวกัน ในเวลาเดียวกัน และเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกที่มีอาการเหมือนกันได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่หายจากการเป็นโรคไข้เลือดออกแล้วก็มีโอกาสเป็นไข้เลือดออกซ้ำอีกได้ ลักษณะเฉพาะของโรคไข้เลือดนั้น คือ
1.มีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน
2.คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
3.หน้าแดง อาจพบจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกบริเวณอื่น เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ปัสสาวะ อุจจาระมีเลือดปน
4.ปวดท้องอย่างรุนแรง กดเจ็บชายโครงด้านขวา
ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก หลังจากมีไข้มาแล้วหลายวันผู้ป่วยอาจเกิดภาวะการไหลเวียนโลหิตล้มเหลวหรือภาวะช็อก และเข้าสู่ระยะที่เรียกว่า กลุ่มอาการไข้เลือดออกช็อก (dengue shock syndrome) โดยผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าเย็น ปัสสาวะน้อยลง ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ความดันโลหิตลดต่ำ วัดชีพจรไม่ได้ สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะช็อก หลังจากมีไข้สูง 2-7 วัน ไข้จะเริ่มลดลง ระบบไหลเวียนโลหิตเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ความดันโลหิตและชีพจรเริ่มคงที่ เมื่อผ่านไป 2-3 วันจึงเข้าสู่ระยะหายเป็นปกติ ผู้ป่วยจะมีแรงมากขึ้น เริ่มรับประทานอาหารได้ อาการปวดท้องดีขึ้น ระยะนี้มักพบผื่นแดงและคันตามฝ่ามือและฝ่าเท้าซึ่งจะหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์
ปัจจุบันยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสสำหรับโรคไข้เลือดออก การรักษาจึงเป็นไปตามอาการเพื่อประคับประคองให้ร่างกายของผู้ป่วยกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
สำหรับการดูแลอาการเบื้องต้น ผู้ป่วยต้องได้รับการพักผ่อนและควรดื่มน้ำให้มากที่สุด แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดไข้เป็นระยะๆ รับประทานอาหารอ่อน งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีคล้ายเลือดเพื่อไม่ให้การวินิจฉัยคลาดเคลื่อน อาจรับประทานยาลดไข้ เช่น ยาพาราเซทตามอลในปริมาณที่แพทย์สั่งเท่านั้น ไม่ควรรับประทานยาแอสไพรินและยากลุ่ม NSAID เด็ดขาดเพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายและนำไปสู่การเสียชีวิตได้
โรคไข้เลือดออกไม่มีวัคซีนป้องกัน ไม่มียารักษา ดังนั้น ควรป้องกันตัวเองและคนในครอบครัวไม่ให้ถูกยุงกัด พยายามนอนในมุ้ง ใช้ยากันยุงแบบฉีดระเหย หรือแบบขดโดยเฉพาะช่วงเวลาเช้าตรู่และพลบค่ำ หากอยู่ในที่แจ้งควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด และทายากันยุงบริเวณผิวหนัง สำคัญที่สุดต้องหยุดการแพร่พันธุ์ของยุงโดยการจัดการสิ่งแวดล้อมในภายในบ้านและบริเวณรอบบ้านให้สะอาด ปลอดโปร่ง มั่นกำจัดแหล่งเพราะพันธุ์ยุงลาย เช่น เทน้ำขังในภาชนะ ทำความสะอาดภาชนะน้ำนิ่งทุก 7 วัน หรือเลี้ยงปลาหางนกยูง ปิดฝาภาชนะน้ำให้สนิท เพียงเท่านี้เราก็จะปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออกได้
ที่มา
รายงานพยากรณ์ โรคไข้เลือดออก ปี 2562 [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก:
https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor/6f4922f45568161a8cdf4ad2299f6d23/files/Dangue/Prophecy/2562.pdf
(วันที่ค้นข้อมูล: 18 กรกฎาคม 2562).
สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ประจำสัปดาห์ที่26 ปี 2562 [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก:
https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor/6f4922f45568161a8cdf4ad2299f6d23/files/Dangue/Situation/2562/DHF%2026.pdf
(วันที่ค้นข้อมูล: 18 กรกฎาคม 2562).
พบกับเจ้าไข้เลือด แขกที่ไม่ได้รับเชิญ [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก:
https://www.mrdengue-th.com/-/media/EMS/Conditions/Dengue/THAILAND_Disease_Consumer/img/20161022Mr
Dengue Comic Mother GIRLTHLRFinal.pdf (วันที่ค้นข้อมูล: 19 กรกฎาคม 2562).
สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
© สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
This page was generated in 0.11 seconds.
Snitz Forums 2000