สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
หน้าแรก
|
แก้ไขข้อมูล
|
หัวข้อล่าสุด
|
สมาชิก
|
ค้นหา
|
FAQ
Username:
Password:
Save Password
All Forums
รวมบทความวิชาการน่ารู้
บทความรายการสุขภาพดีมีสุข
เพชรสังฆาต พิฆาตริดสีดวงทวาร
คำแนะนำ :
คุณต้องลงทะเบียนก่อนจึงจะสามารถโพสได้ครับ
Screensize:
640 x 480
800 x 600
1024 x 768
1280 x 1024
UserName:
Password:
Format Mode:
Basic
Help
Prompt
Format:
Font
Andale Mono
Arial
Arial Black
Book Antiqua
Century Gothic
Comic Sans MS
Courier New
Georgia
Impact
Lucida Console
Script MT Bold
Stencil
Tahoma
Times New Roman
Trebuchet MS
Verdana
Size
1
2
3
4
5
6
Color
Black
Red
Yellow
Pink
Green
Orange
Purple
Blue
Beige
Brown
Teal
Navy
Maroon
LimeGreen
Message:
* HTML is OFF
*
Forum Code
is ON
Smilies
[quote][i]Originally posted by admin[/i] [br][right][b][green]ปีงบประมาณ 2562[/green][/b][/right] [blue][center][b]เพชรสังฆาต พิฆาตริดสีดวงทวาร นันทนาวดี บุญขวัญ[/b][/center][/blue] [center][mp3]http://www.uniserv.buu.ac.th/sound/สิงหาคม62/สุขภาพดีมีสุข/2.เพชรสังฆาต พิฆาตริดสีดวงทวาร.mp3[/mp3][/center] เพชรสังฆาตเป็นไม้ประดับที่เราเห็นกันจนชินตา แต่อย่าเพิ่งสบประมาทว่าเพชรสังฆาตเป็นเพียงแค่ไม้ประดับถ้ายังไม่ได้รู้ถึงสรรพคุณ เพราะเพชรสังฆาตมีสรรพคุณดีๆที่ซุกซ่อนอยู่อย่างคาดไม่ถึงโดยเป็นสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายนับไม่ถ้วน หลายคนอาจจะปลูกเพชรสังฆาตเอาไว้เป็นไม้ประดับในบ้าน แต่กลับไม่รู้เลยว่าภายใต้ความสวยงามที่แปลกตานั้นมีประโยชน์มากมายเพียงใด ฉะนั้นเราลองหันมาสนใจทำความรู้จักกับสมุนไพรชนิดนี้กันเลย เพชรสังฆาตนั้นมีลักษณะเป็นไม้เถาทรงสี่เหลี่ยมเป็นข้อปล้องต่อกัน เปลือกเถาเรียบสีเขียวอ่อน ขนาดของปล้องแต่ละปล้องยาวประมาณ 3-15 เซนติเมตร มีมือสำหรับเกาะยึดยื่นออกมาจากตรงข้อระหว่างเป็นใบเดี่ยวปลายใบมนโคนใบเว้าขอบใบหยักมนห่างๆ แผ่นใบเรียบมันสีเขียวสด โดยปกติแล้วมักนิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ เนื่องจากเป็นพืชที่มีรูปร่างแปลกตาและมีดอกช่อสีแดงสวยงาม นอกจากเพชรสังฆาตจะเป็นไม้ประดับที่มีความสวยงามแล้ว ประโยชน์ของเพชรสังฆาตที่โดดเด่นก็คงหนีไม่พ้นการใช้เป็นยารักษาโรคริดสีดวงทวาร เพราะเพชรสังฆาตอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยส่งเสริมกระบวนการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยลดอาการอักเสบ รวมทั้งช่วยให้หลอดเลือดดำหดตัวลงได้ ซึ่งสำหรับคนที่เป็นโรคริดสีดวงทวารจะเกิดภาวะเลือดดำคั่งจนทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก การรับประทานเพชรสังฆาตจึงช่วยบรรเทาอาการได้ รวมทั้งรักษาอาการอักเสบและทำให้หลอดเลือดดำที่บวมเป่งอยู่บริเวณทวารหนักหดตัวลงได้ ทั้งนี้มีการศึกษาจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยได้ยืนยันถึงข้อดีของการใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตในการรักษาโรคริดสีดวงทวารว่า สรรพคุณเพชรสังฆาตมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน และยังมีงานวิจัยพบว่าแคปซูลเพชรสังฆาตสามารถใช้ทดแทนยาดาฟลอนในการรักษาโรคริดสีดวงทวารได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันเพชรสังฆาตยังถูกใช้เป็นยารักษาหลักในผู้ป่วยริดสีดวงทวารหนักตามโรงพยาบาลต่างๆอีกด้วย วิธีใช้เพชรสังฆาตเป็นยารักษาริดสีดวงทวาร ให้ใช้เถาเพชรสังฆาตสดๆ ประมาณ 2-3 องคุลี รับประทานก่อนอาหารโดยนำมาสอดใส่ในกล้วยสุกหรือมะขามเปียกหรือใบผักกาดดองแล้วกลืนลงไปห้ามเคี้ยว เนื่องจากสมุนไพรชนิดนี้จะมีผลึกแคลเซียมออกซาเลตเป็นจำนวนมาก การรับประทานสดๆอาจทำให้เกิดอาการคันในปาก เกิดการระคายเคืองที่คอและเยื่อบุในปากได้ หรือจะใช้เถาแห้งนำมาบดเป็นผง ใส่แคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม รับประทานครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 4 ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอน การรับประทานเพชรสังฆาตจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10-15 วัน อาการของโรคริดสีดวงทวารก็จะดีขึ้น อย่างไรก็ตามประโยชน์ของเพชรสังฆาตใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะในเถาของเพชรสังฆาตนั้นมีสารแคลเซียมออกซาเลทสูง หากรับประทานเข้าไปมากเกินพอดีอาจทำให้เกิดการตกค้างซึ่งอาจส่งผลให้เกิดนิ่วได้ ถึงแม้ว่าเพชรสังฆาตจะมีสรรพคุณดีในการรักษาโรคริดสีดวงทวาร แต่ใช่ว่าจะรักษาริดสีดวงทวารได้หายขาดเสมอไป อาการจะหายช้าหรือเร็วยังขึ้นอยู่กับว่าเป็นมากหรือน้อย รวมไปถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหารด้วยว่ารับประทานผัก ผลไม้หรืออาหารที่มีเส้นใยมากน้อยแค่ไหน และสำหรับผู้ที่เป็นมากไม่ว่าจะเพชรสังฆาตหรือยาดาฟลอนก็จะช่วยแค่บรรเทาอาการของโรคเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องผ่าตัดออกจึงจะหาย เมื่อเราได้เรียนรู้ถึงคุณประโยชน์ของเพชรสังฆาตกันไปแล้ว ถ้าใครที่มีสมุนไพรชนิดนี้อยู่ที่บ้านก็อย่าลืมแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวารใช้กัน แต่ที่สำคัญคือต้องรู้วิธีใช้และใช้ในปริมาณที่ถูกต้องไม่อย่างนั้นแทนที่จะได้ผลดี อาจจะได้ผลเสียกลับมาแทน [b]แหล่งอ้างอิง[/b] เพชรสังฆาต ยาริดสีดวงชาวบ้าน โรงพยาบาลยอมรับ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก : https://www.matichonacademy.com/content/health/article_24226. (วันที่ค้นข้อมูล: 13 มิถุนายน 2562). เพชรสังฆาต สรรพคุณและประโยชน์ของเพชรสังฆาต 11 ข้อ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก : https://medthai.com/เพชรสังฆาต. (วันที่ค้นข้อมูล: 14 มิถุนายน 2562). เพชรสังฆาต สมุนไพรใส่สูท มือสังหารริดสีดวง ช่วยสมานกระดูก. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.sentangsedtee.com/health-beauty/article_93417. (วันที่ค้นข้อมูล: 14 มิถุนายน 2562). [/quote]
Check here to include your profile signature.
T O P I C R E V I E W
admin
Posted - 23 Sep 2019 : 14:46:37
ปีงบประมาณ 2562
เพชรสังฆาต พิฆาตริดสีดวงทวาร
นันทนาวดี บุญขวัญ
กดปุ่ม > เพื่อเล่นไฟล์เสียง
เพชรสังฆาตเป็นไม้ประดับที่เราเห็นกันจนชินตา แต่อย่าเพิ่งสบประมาทว่าเพชรสังฆาตเป็นเพียงแค่ไม้ประดับถ้ายังไม่ได้รู้ถึงสรรพคุณ เพราะเพชรสังฆาตมีสรรพคุณดีๆที่ซุกซ่อนอยู่อย่างคาดไม่ถึงโดยเป็นสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายนับไม่ถ้วน หลายคนอาจจะปลูกเพชรสังฆาตเอาไว้เป็นไม้ประดับในบ้าน แต่กลับไม่รู้เลยว่าภายใต้ความสวยงามที่แปลกตานั้นมีประโยชน์มากมายเพียงใด ฉะนั้นเราลองหันมาสนใจทำความรู้จักกับสมุนไพรชนิดนี้กันเลย
เพชรสังฆาตนั้นมีลักษณะเป็นไม้เถาทรงสี่เหลี่ยมเป็นข้อปล้องต่อกัน เปลือกเถาเรียบสีเขียวอ่อน ขนาดของปล้องแต่ละปล้องยาวประมาณ 3-15 เซนติเมตร มีมือสำหรับเกาะยึดยื่นออกมาจากตรงข้อระหว่างเป็นใบเดี่ยวปลายใบมนโคนใบเว้าขอบใบหยักมนห่างๆ แผ่นใบเรียบมันสีเขียวสด โดยปกติแล้วมักนิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ เนื่องจากเป็นพืชที่มีรูปร่างแปลกตาและมีดอกช่อสีแดงสวยงาม นอกจากเพชรสังฆาตจะเป็นไม้ประดับที่มีความสวยงามแล้ว ประโยชน์ของเพชรสังฆาตที่โดดเด่นก็คงหนีไม่พ้นการใช้เป็นยารักษาโรคริดสีดวงทวาร เพราะเพชรสังฆาตอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยส่งเสริมกระบวนการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยลดอาการอักเสบ รวมทั้งช่วยให้หลอดเลือดดำหดตัวลงได้ ซึ่งสำหรับคนที่เป็นโรคริดสีดวงทวารจะเกิดภาวะเลือดดำคั่งจนทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก การรับประทานเพชรสังฆาตจึงช่วยบรรเทาอาการได้ รวมทั้งรักษาอาการอักเสบและทำให้หลอดเลือดดำที่บวมเป่งอยู่บริเวณทวารหนักหดตัวลงได้ ทั้งนี้มีการศึกษาจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยได้ยืนยันถึงข้อดีของการใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตในการรักษาโรคริดสีดวงทวารว่า สรรพคุณเพชรสังฆาตมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน
และยังมีงานวิจัยพบว่าแคปซูลเพชรสังฆาตสามารถใช้ทดแทนยาดาฟลอนในการรักษาโรคริดสีดวงทวารได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันเพชรสังฆาตยังถูกใช้เป็นยารักษาหลักในผู้ป่วยริดสีดวงทวารหนักตามโรงพยาบาลต่างๆอีกด้วย วิธีใช้เพชรสังฆาตเป็นยารักษาริดสีดวงทวาร ให้ใช้เถาเพชรสังฆาตสดๆ ประมาณ 2-3 องคุลี รับประทานก่อนอาหารโดยนำมาสอดใส่ในกล้วยสุกหรือมะขามเปียกหรือใบผักกาดดองแล้วกลืนลงไปห้ามเคี้ยว เนื่องจากสมุนไพรชนิดนี้จะมีผลึกแคลเซียมออกซาเลตเป็นจำนวนมาก การรับประทานสดๆอาจทำให้เกิดอาการคันในปาก เกิดการระคายเคืองที่คอและเยื่อบุในปากได้ หรือจะใช้เถาแห้งนำมาบดเป็นผง ใส่แคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม รับประทานครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 4 ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอน
การรับประทานเพชรสังฆาตจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10-15 วัน อาการของโรคริดสีดวงทวารก็จะดีขึ้น อย่างไรก็ตามประโยชน์ของเพชรสังฆาตใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะในเถาของเพชรสังฆาตนั้นมีสารแคลเซียมออกซาเลทสูง หากรับประทานเข้าไปมากเกินพอดีอาจทำให้เกิดการตกค้างซึ่งอาจส่งผลให้เกิดนิ่วได้
ถึงแม้ว่าเพชรสังฆาตจะมีสรรพคุณดีในการรักษาโรคริดสีดวงทวาร แต่ใช่ว่าจะรักษาริดสีดวงทวารได้หายขาดเสมอไป อาการจะหายช้าหรือเร็วยังขึ้นอยู่กับว่าเป็นมากหรือน้อย รวมไปถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหารด้วยว่ารับประทานผัก ผลไม้หรืออาหารที่มีเส้นใยมากน้อยแค่ไหน และสำหรับผู้ที่เป็นมากไม่ว่าจะเพชรสังฆาตหรือยาดาฟลอนก็จะช่วยแค่บรรเทาอาการของโรคเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องผ่าตัดออกจึงจะหาย เมื่อเราได้เรียนรู้ถึงคุณประโยชน์ของเพชรสังฆาตกันไปแล้ว ถ้าใครที่มีสมุนไพรชนิดนี้อยู่ที่บ้านก็อย่าลืมแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวารใช้กัน แต่ที่สำคัญคือต้องรู้วิธีใช้และใช้ในปริมาณที่ถูกต้องไม่อย่างนั้นแทนที่จะได้ผลดี อาจจะได้ผลเสียกลับมาแทน
แหล่งอ้างอิง
เพชรสังฆาต ยาริดสีดวงชาวบ้าน โรงพยาบาลยอมรับ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก :
https://www.matichonacademy.com/content/health/article_24226.
(วันที่ค้นข้อมูล: 13 มิถุนายน 2562).
เพชรสังฆาต สรรพคุณและประโยชน์ของเพชรสังฆาต 11 ข้อ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก :
https://medthai.com/
เพชรสังฆาต. (วันที่ค้นข้อมูล: 14 มิถุนายน 2562).
เพชรสังฆาต สมุนไพรใส่สูท มือสังหารริดสีดวง ช่วยสมานกระดูก. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก
https://www.sentangsedtee.com/health-beauty/article_93417.
(วันที่ค้นข้อมูล: 14 มิถุนายน 2562).
สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
© สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
This page was generated in 0.14 seconds.
Snitz Forums 2000